อักษรคันจิมีเสียงอ่าน 2 ประเภท (รายละเอียด ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย) คือ
1. เสียงอง 音読み on'yomi คือการอ่านเพื่อเสียง ซึ่งออกเสียงตัวอักษรคันจินั้นตามเสียงภาษาจีน
เป็นการอ่านคันจิในเสียงภาษาจีนแต่สำเนียงญี่ปุ่น ใช้สำหรับคำภาษาญี่ปุ่นที่ยืมจากภาษาจีน หรือ "คังโกะ" (漢語 Kango) ซึ่งคำเหล่านี้นำเข้ามาใช้ในญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณ จากหลากหลายภูมิภาคและยุคสมัยของจีน คำเดียวกันจึงออกเสียงต่างกันไป อย่างไรก็ตาม สำหรับอักษรคันจิที่ประดิษฐ์ขึ้นในญี่ปุ่นเอง จะไม่มีเสียงอง ยกเว้นคันจิบางตัว เช่น 働 ซึ่งแปลว่า ทำงาน นั้นมีทั้งเสียงองและเสียงคุน เสียงอง คือ dō และเสียงคุน คือ hatara(ku) ส่วน 腺 ที่แปลว่า ต่อม เป็นคันจิที่ญี่ปุ่นประดิษฐ์เอง แต่มีแต่เสียงอง คือ sen ไม่มีเสียงคุน
องโยะมิ สามารถแบ่งได้ 4 กลุ่มดังนี้
(1) โกะอง (ญี่ปุ่น: 呉音 go-on ?) หรือ เสียงอู๋ เป็นการออกเสียงที่รับเข้ามาในยุคราชวงศ์เหนือใต้ของจีน หรืออาณาจักรแพกเจของเกาหลี ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 และคริสต์ศตวรรษที่ 6 "โกะ" หมายถึง แคว้นอู๋ หรือง่อก๊ก (บริเวณใกล้เคียงเมืองเซี่ยงไฮ้ในปัจจุบัน) แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับภาษาจีนอู๋แต่อย่างใด
(2) คังอง (ญี่ปุ่น: 漢音 kan-on ?) หรือ เสียงฮั่น เป็นการออกเสียงที่รับเข้ามาในยุคราชวงศ์ถัง ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 7 ถึง คริสต์ศตวรรษที่ 9 ส่วนใหญ่มาจากสำเนียงของเมืองหลวงในเวลานั้น คือ ฉางอาน (長安) ซึ่งปัจจุบันคือเมือง ซีอาน (西安) คำว่า "คัน" หมายถึง ชนชาติฮั่น (漢) อันเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศจีน
(3) โทอง (ญี่ปุ่น: 唐音 tō-on ?) หรือ เสียงถัง เป็นการออกเสียงที่รับเข้ามาในช่วงราชวงศ์หลังๆ ของจีน เช่น ราชวงศ์ซ่ง (宋) และ ราชวงศ์หมิง (明) การอ่านคันจิในยุคเฮอัง และยุคเอะโดะ จะอ่านตามสำเนียงนี้ หรือเรียกกันว่า "โทโซอง" (唐宋音, tōsō-on).
(4) คันโยอง (ญี่ปุ่น: 慣用音 kan'yō-on ?) แปลตามศัพท์ได้ว่า เสียงอ่านที่เป็นที่ยอมรับ เป็นการอ่านที่ออกเสียงผิดมาตั้งแต่เริ่มใช้คำคำนั้น แต่ได้ใช้กันต่อมาจนเป็นที่ยอมรับในที่สุด (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย - คันจิ)
เป็นการอ่านคันจิโดยใช้คำภาษาญี่ปุ่นดั้งเดิม หรือยะมะโตะโคะโตะบะ (大和言葉 Yamato kotoba) ที่มีความหมายใกล้เคียงกับตัวอักษรจีนนั้น คันจิหนึ่งตัวสามารถมีเสียงคุนได้หลายเสียงเช่นเดียวกับเสียงอง แต่คันจิบางตัวไม่มีเสียงคุงเลยก็ได้
ตัวอย่างเช่น 東 ที่แปลว่า ทิศตะวันออก มีเสียงองคือ tō แต่ภาษาญี่ปุ่นก็มีคำที่แปลว่าทิศตะวันออกอยู่แล้ว คือ higashi และ azuma ดังนั้นเสียงคุนของ 東 คือ higashi และ azuma ในทางตรงกันข้าม 寸 (ภาษาจีนกลาง: cùn) ซึ่งหมายถึง หน่วยวัดความยาวหน่วยหนึ่งของจีน (ประมาณ 30 มิลลิเมตร หรือ 1.2 นิ้ว) ญี่ปุ่นไม่มีหน่วยที่สามารถเทียบได้ คันจิตัวนี้จึงมีแต่เสียงอง คือ sun และไม่มีเสียงคุน อักษรโคะคุจิ (อักษรคันจิที่ประดิษฐ์ขึ้นในญี่ปุ่น) จะมีแค่เสียงคุน ไม่มีเสียงอง
เสียงคุง มีโครงสร้างพยางค์แบบ(พยัญชนะ)สระ หรือ (C)V ซึ่งเป็นโครงสร้างพยางค์ของคำญี่ปุ่นแท้ (ยะมะโตะโคะโตะบะ) เสียงคุนของคำนามและคำคุณศัพท์ปกติจะยาว 2-3 พยางค์ ในขณะที่ เสียงคุนของคำกริยายาว 1-2 พยางค์ โดยจะไม่นับอักษรฮิระงะนะเรียกว่า โอะกุริงะนะ ซึ่งอยู่ท้ายคันจิ เนื่องจากโอะกุริงะนะเป็นเพียงตัวเสริมคำ ไม่ได้เป็นเสียงหนึ่งของคันจิตัวนั้น ผู้ที่เพิ่งเริ่มศึกษาคันจิมักจะจดจำการอ่านคันจิที่มีเสียงคุนหลายพยางค์ได้ยาก อย่างไรก็ตาม คันจิที่มีเสียงคุน 3-4 พยางค์หรือมากกว่านั้นก็มีอยู่น้อย ตัวอย่างเช่น 承る (uketamawaru อุเกะตะมะวะรุ ได้ยิน รับรู้) และ 志 (kokorozashi โคะโกะโระซะชิ ความตั้งใจ) มีเสียงคุง 5 พยางค์ในคันจิตัวเดียว ถือเป็นคันจิที่มีเสียงคุงยาวที่สุดในคันจิชุดโจโยคันจิ (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย - คันจิ)
นอกจากนี้ เสียงคุงยังมีอีกเช่น
ฟุริงะนะ ふりがな คืออักษรคะนะเล็กๆ ที่กำกับอักษรคันจิเพื่อกำหนดเสียงอ่านในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งถูกเรียกอีกอย่างว่า "โยะมิงะนะ" 読みがな ก็ได้
โอะกุริงะนะ おくりがな คืออักษรคะนะที่ต่อท้ายอักษรคันจิ แต่ส่วนมากแล้วใช้ในการผันกริยาและคุณศัพท์
ประเภทของอักษรคันจิ มีดังนี้
1. โชเกโมะจิ 象形文字 Shoukei-Moji (ในภาษาจีนกลางเรียกว่า เซี่ยงสิง) --- อักษรคันจิที่แสดงรูปร่างลักษณะต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของ มีประมาณ 600 ตัว
2. ชิจิโมะจิ 指事文字 Shiji-Moji (ในภาษาจีนกลางเรียกว่า จื่อซื่อ) --- อักษรคันจิที่อยู่ในรูปร่างลักษณะต่างๆ ที่เป็นนามธรรม บางครั้งนำคันจิประเภทโชเกมาผสมด้วย มีเพียง 135 ตัว
3. ไคอิโมะจิ 会意文字 Kaii-Moji (ในภาษาจีนกลางเรียกว่า ฮุ่ยอี้) --- อักษรคันจิที่ประกอบกันจนได้อักษรคันจิที่มีความหมายใหม่ขึ้น
4. เคเซโมะจิ 形声文字 Keisei-Moji (ในภาษาจีนกลางเรียกว่า สิงเซิง) --- อักษรคันจิที่แสดงความหมายกับเสียงจนกลายมาเป็นอักษรคันจิที่มีความหมายใหม่ ส่วนใหญ่เป็นประเภทนี้
5. เท็นชูโมะจิ 転注文字 Tenchuu-Moji (ในภาษาจีนกลางเรียกว่า จ่วนจู้) --- อักษรคันจิที่ใช้ในความหมายอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับความหมายดั้งเดิม
6. คะชะกุโมะจิ 仮借文字 Kashaku-Moji (ในภาษาจีนกลางเรียกว่า จฺย่าเจี้ย) --- อักษรคันจิที่ยืมมา แต่เสียงอ่านไม่เกี่ยวข้องกับความหมายเลยแม้แต่นิด
ถ้าต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม ไปดูในกลุ่ม Facebook
https://www.facebook.com/groups/Japanese.For.Beginer/ -- ภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้เริ่มเรียน
https://www.facebook.com/groups/nihongohajimenoippo/ -- ฝึกพูดภาษาญี่ปุ่น
https://www.facebook.com/groups/465193800160663/ -- ภาษาญี่ปุ่นนอกห้องเรียน
เพจ https://www.facebook.com/TakeJapaneseSkills -- ฝึกทักษะภาษาญี่ปุ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น