วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บทที่ 8 - อักษรคันจิในชีวิตประจำวัน

บทก่อนหน้าได้กล่าวถึงประเภทของอักษรคันจิแล้ว

อักษรคันจิที่ใช้ในการศึกษาของญี่ปุ่น เรียกว่า เคียวอิกุกันจิ 教育漢字 Kyōiku kanji โดยเริ่มแรกมี 881 ตัว ในปี 1946 (2489) ต่อมาเป็น 996 ตัวในปี 1977 (2520) และกลายมาเป็น 1,006 ตัวในปัจจุบัน ซึ่งแยกออกเป็น
ป.1 มีอักษรคันจิที่ต้องเรียนทั้งหมด 80 ตัว
ป.2 มีอักษรคันจิที่ต้องเรียนทั้งหมด 160 ตัว
ป.3 มีอักษรคันจิที่ต้องเรียนทั้งหมด 200 ตัว
ป.4 มีอักษรคันจิที่ต้องเรียนทั้งหมด 200 ตัว
ป.5 มีอักษรคันจิที่ต้องเรียนทั้งหมด 185 ตัว
ป.6 มีอักษรคันจิที่ต้องเรียนทั้งหมด 181 ตัว

ส่วนที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เรียกว่าโจโยกันจิ 常用漢字 Jōyō kanji ก็คือเพิ่มอักษรคันจิอีก 1,030 ตัว ซึ่งใช้ในการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยม รวมทั้งหมด 2,136 ตัว ซึ่งถูกประกาศปี 2010 (2553) เช่นเดียวกับเคียวอิกุกันจิในปัจจุบัน เพื่อแทนที่อักษรชุดเดิมที่เรียกว่า โทโยกันจิ หรือ "คันจิที่ใช้กันทั่วไป"

ยังมีอักษรคันจิที่ใช้กับชื่อคน เรียกว่า จิมเมโยกันจิ 人名用漢字 Jinmeiyō kanji นอกจากโจโยกันจิแล้วยังเพิ่มเป็น 985 ตัว เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2010 (2553)

ส่วนการเขียนตัวอักษรคันจินั้น ให้เขียนจาก บุชุ (ภาษาจีนกลางเรียกว่า ปู้โส่ว) ก่อน
ให้อ้างอิงจากเว็บ http://web.archive.org/web/20060423131449/www.geocities.com/kanjithai/ ประกอบด้วย

ลักษณะอักษรคันจิ แบ่งบุชุได้เป็น 7 ลักษณะ คือ
1.偏(へん)เฮง - ส่วนที่ประกอบอยู่ทางด้านซ้าย
2.旁(つくり)ทซึคุริ - ส่วนที่ประกอบอยู่ทางด้านขวา
3.冠(かんむり)คังมุริ - ส่วนที่ประกอบอยู่ทางด้านบน
4.脚(あし)อะชิ - ส่วนที่ประกอบอยู่ทางด้านล่าง
5.構(かまえ)คะมะเอะ - ส่วนประกอบที่ล้อมรอบ
6.垂(たれ)ทะเระ - ส่วนที่ห้อยย้อยลงมาจากข้างบน
7.繞(にょう)เนียว- ส่วนที่อยู่ทางด้านซ้ายและลากไปทางด้านล่างขวา


เนื่องจากผู้จัดทำจำภาษาจีนมาได้ แต่เนื่องจากนี่คือภาษาญี่ปุ่น จึงให้เขียนและอ่านตามภาษาญี่ปุ่น

ถ้าต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม ไปดูในกลุ่ม Facebook
https://www.facebook.com/groups/Japanese.For.Beginer/ -- ภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้เริ่มเรียน
https://www.facebook.com/groups/nihongohajimenoippo/ -- ฝึกพูดภาษาญี่ปุ่น
https://www.facebook.com/groups/465193800160663/ -- ภาษาญี่ปุ่นนอกห้องเรียน

เพจ https://www.facebook.com/TakeJapaneseSkills -- ฝึกทักษะภาษาญี่ปุ่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น